ผจญภัยในแดนกรุง : เข้ากรุงเทพคนเดียวครั้งแรก ไปดูคอนเสิร์ต #g16fest

บอกก่อนเลยว่า แท้จริงแล้วนั้น สมัยเมื่อยังเด็กผมก็เคยอาศัยอยู่ที่ กทม. มาก่อน อ้างอิงจากที่แม่ผมเล่าให้ฟัง แต่ก็นานมากสมัยยังไม่เข้าอนุบาลเลย แล้วก็เมื่อโตขึ้น เวลาทำงานก็มีโอกาสได้ไป กทม. อยู่บ้างหลายครั้ง แต่ก็ไปเฉพาะประชุมเรื่องงานกับหน่วยงานต่างๆ โดยมีคนพาไปตลอด ไม่เคยได้เดินทางด้วยตัวเองเลย คราวนี้เลยเป็นครั้งแรก ที่จะเดินทางไปกรุงเทพด้วยตัวเองครั้งแรก


เรื่องนี้เกิดขึ้นได้หลายปีแล้วนะครับ คือตั้งใจว่าจะเขียนบล็อกเกี่ยวกับการเดินทางครั้งนี้แน่ๆล่ะ แต่ได้แค่ร่างไว้คร่าวๆ พอกลับมาดูอีกทีก็เป็นปีแล้ว อาจจะจำรายละเอียดได้ไม่หมด ก็ขออภัยนะครับ แต่รับประกันความรู้สึกยังไม่เลือนหายแน่นอน เริ่มเลยละกัน


เมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม ปี 2014 ผมได้วางแผนจะเดินทางไป กทม. ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญอยู่ 2 อย่างคือ
1. ไปดูคอนเสิร์ต g16fest
เป็นคอนเสิร์ตรวมวงดนตรีที่สังกัดค่าย genie record ทั้งหมด อาทิเช่น BigAss, Bodyslam, Paradox, Sweet Mullet, Retrospect, Klear และอื่นๆอีก ซึ่งบอกเลยว่า ขนกันมาทั้งค่าย สถานที่จัดคือ ริมทะเลสาบเมืองทองธานี บัตรราคา 1600 แต่มันมีช่วงวันที่เปิดให้จองแล้วลดครึ่งราคาเหลือ 800 ซึ่งผมก็จองมาได้ในราคา 800 นี่แหล่ะ ได้มาหลายใบด้วย คือผมจองไว้เผื่อเพื่อนจะชวนไปดูด้วยกัน ผมคิดว่าคอนเสิร์ตนี้คุ้มแน่นอน คือเกิดมาฟังเพลงวงดนตรีพวกนี้มานาน แต่ยังไม่เคยเจอตัวจริงซักที นี่ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้เสพดนตรีสดๆ จากวงที่ชอบชื่นชอบ อย่างสนุกสุดเหวี่ยงกับเพื่อนๆ นั่นคือสิ่งที่ผมคิดไว้

แต่แล้วแผนก็เปลี่ยนนิดหน่อย เนื่องด้วยเพื่อนที่ผมชวนไป ไม่มีใครว่างสักคนเลย สรุปแล้วผมเลยต้องไปคนเดียว บัตรที่จองมาเยอะแยะก็เลยต้องประกาศขายไป

2. ไปสอยมือถือที่งาน Thailand Mobile Expo 2014
หากใครติดตามข่าวสารแวดวงมือถือในช่วงต้นปี 2014 ในกลุ่มของ smartphone ราคาถูก คงจะไม่มีใครไม่รู้จัก Asus Zenfone แบรนด์มือถือแรกๆที่เรียกได้ว่าสเปคดีที่สุดในยุคนั้นเมื่อเทียบกับราคา โดยผมได้ตั้งใจไว้ว่าจะไปสอย zenfone4 รุ่นแรก ตอนนั้นราคา 2990 เรียกได้ว่าราคาน่าคบหาเป็นอย่างมาก งานนี้มี 3 วัน จัดที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นั่นคือประเด็นหลักๆ ของการเดินทางครั้งนี้ พอดูตารางงานแล้ว งานมือถือมี3วันเช้าเย็น ส่วนคอนเสิร์ตมีวันเดียวจัดตอนบ่ายๆ ผมก็ได้แพลนเอาไว้ว่า ตอนเช้าไปซื้อมือถือ ตอนบ่ายค่อยไปดูคอน ไปวันเดียว ไปเช้าเย็นกลับ เพราะขี้เกียจหาที่นอน และก็ไม่รู้ด้วยว่าจะไปนอนไหน

ก่อนไปผมได้ทำการ research วิธีการที่จะไป ศูนย์ฯสิริกิติ์ แล้วก็เมืองทองธานี อย่างเอาเป็นเอาตาย เนื่องด้วยไม่เคยไป กลัวจะหลง TT_TT พร้อมกับปรึกษาเพื่อนผู้อาศัยอยู่ในกทม. มันก็บอกว่า ไปศูนย์ฯสิริกิติ์ ถ้ามาจากหมอชิต เอาแบบง่ายๆก็ mrt ไปลงสถานีมันเลย หรืออีกวิธีก็คือ ขึ้น bts แล้วลงสถานีอโศก แล้วขึ้น mrt อีกสถานีนึง ก็ถึงเลย พูดมาเหมือนจะง่าย แต่คือตอนนั้นไม่รู้วิธีไหนมันดีกว่ากัน เพราะไม่เคยนั่งรถไฟฟ้าเลย

เนื่องจากผมอยู่ต่างจังหวัด ผมเลยคิดว่าการเดินทางนี้ควรจะถึง กทม. ตอนเช้าๆ และผมไม่เคยขึ้นรถไปไหนไกลๆคนเดียวเลย ก็เลยไม่รู้ว่าจะไปยังไง รถมันจะมีเที่ยวไหนแบบไหน ใช้เวลายังไงบ้าง พอดีหน้า ม.มันมีวินรถตู้ ผมก็เลยเอาง่ายล่ะกัน นั่งรถตู้ไป เที่ยวเที่ยงคืนครึ่ง กะว่าจะหลับบนรถแล้วไปตื่นที่ กทม เลย

พอถึงวันเดินทาง ผมก็ไปขึ้นรถตู้ที่จองไว้ ขึ้นไปก็ปกติดี ไม่มีอะไร คิดว่าจะหลับได้แต่ก็หลับไม่ค่อยลง คือเพิ่งเคยนั่งรถตู้โดยสารไปกทม.แบบนี้ครั้งแรก รู้ว่ามันปวดขามาก รถไปถึง กทม.ประมาณตี4กว่าๆ เค้าถามว่าจะลงไหน ตอนนั้นผมไม่รู้อะไร คือรู้จักแต่หมอชิต ก็เลยบอกไปว่าลงหมอชิต ใจนึงก็คิดว่า เย้ ถึงกทม.แล้ว แต่หลังจากนั้นก็คิดว่า ก็ถึงนะ ก็คือถึงแล้วไง แล้วยังไงต่อ...

ประเด็นคือ มาถึงเช้าไปหรือเปล่า ดูเวลา ตอนนี้ตี4.40 ผมก็คิดเอาเองว่า ไอ้รถไฟฟ้าอะไรนั่นมันคงยังไม่เปิดหรอกมั้ง เดี๋ยวค่อยไปละกัน ก็เลยอยู่ในสถานีหมอชิตก่อน ก็หาข้าวกินไป เปิดแมพหาวิธีจะไปที่รถไฟฟ้า พอดีผมซื้อหนังสือเล่มใหม่มา ก็เลยพกมาอ่านด้วย ก็นั่งอยู่จนถึง 7โมง แล้วเดินไปที่รอรถเมลล์ อันนี้ก็ครั้งแรกอีกแล้วครับ เพราะผมไม่เคยขึ้นรถเมลล์ในกทม.เลย ก็เลยไม่รู้จะนั่งสายไหน ตอนดูใน pantip เค้าบอกให้นั่งสายอะไรก็ได้ที่ผ่าน bts แต่พอมาเจอจริงก็นั่นล่ะครับ ไม่รู้จะนั่งสายไหนเลย มันเยอะไปหมด ผมก็เดินไปเดินมา ตัดสินใจสุ่มๆขึ้นคันนึงไป ไปถามคนขับว่า
ผม : ลุงครับ ไป mrt ไหมครับ
ลุง : อะไรนะ ไปไหน
ผม : mrt อ่ะครับ คันนี้ไปหรือป่าว
ลุง : mrt ที่ไหนอ่ะ ไม่รู้จัก
ผม : ที่มันเป็นรถไฟฟ้า อ่ะครับ
ลุง : นั่นมัน bts .. mrt อะไรไม่มี๊..(เสียงสูง)
ผม : อ่าว mrt รถไฟฟ้าใต้ดิน ไม่ใช่ เหรอครับ
ลุง : อันนั้นเค้าเรียก subway
ผม : ... (เออ กุไม่รู้ กุไม่พูดก็ได้)

ในความเป็นจริงนั้น เราจะพบว่า สถานีรถไฟฟ้า btsหมอชิต กับ mrtจตุจักร นั้นอยู่ใกล้กันแค่เอื้อม แต่เพราะผมไม่เคยไป เลยต้องปลอดภัยไว้ก่อนถามว่าไป mrt ไหม เพราะกลัวนึกว่าถ้าไปลง bts แล้วมันอาจจะอยู่คนละที่กัน ก็เลยนั่งรถเมลล์คันนั้นไปอย่างงงๆ และข้องใจว่า คนกรุงเทพฯเค้าเรียกรถไฟใต้ตินว่า subway เหรอ ไม่เห็นเหมือนที่อ่านในเน็ตมาเลย

พอรถเมลล์ถึงจตุจักร ผมก็ลง แล้วก็มองๆหาไอ้สถานี mrt ว่ามันอยู่ตรงไหน ก็เห็นป้ายพอดี แล้วก็เดินๆตามเค้าไป ทางเข้า mrt มันจะเป็นบันไดเลื่อนลงไปใต้ดิน คือตอนนั้นรู้สึกตื่นเต้นมาก ก่อนขึ้นก็ไม่รู้ว่าต้องไปทำอะไรยังไง ก็ยังคงเดินๆตามชาวบ้านเค้าไปอยู่ ก็ไปซื้อตั๋วกับพนักงานที่ช่องขายตั๋ว คือตอนนั้นไม่แข็งแกร่งพอที่จะไปหยอดตู้เอง เพราะทำไม่เป็น พอซื้อเสร็จก็จะได้เหรียญมาอันนึง เราก็คิดในใจว่า เฮ้ย ตั๋วมันหน้าตาประหลาดๆ ไม่เคยพบเห็น จากนั้นก็ยืนเฝ้าสังเกตวิธีผ่านช่องตรวจตั๋วอยู่ประมาณ10วินาที เห็นเค้าเอาเหรียญแตะๆข้างบน แล้วช่องก็เปิดออก ผมก็เลยเดินตามเค้าไป ทำตามมั่ง ก็ผ่านมาได้ด้วยดี ตอนแตะนี่ลุ้นๆอยู่เหมือนกัน ถ้ามันไม่เปิดจะทำยังไง จากนั้นก็เดินลงบันได้เลื่อนไปอีกชั้นนึง ก็จะเจอทางรถไฟใต้ติน แต่ทีนี้ก็งงสิครับ เพราะมันมี2ฝั่ง ไม่รู้จะขึ้นฝั่งไหน มองๆไปก็เจอแผนที่สถานีพอดี ก็เลยดูจากแผนที่เอาแล้วก็ไปรอฝั่งที่มันจะไป รอแปบนึงรถไฟก็มา ก็เดินเข้าไปเกาะราว ยืนไปเรื่อยๆ ตาก็มองไปที่ไฟที่วิ่งอยู่บนแผนที่บนประตู เสียงระบบอัตโนมัติผู้หญิงก็คอยบอกสถานีที่ถึง ผมก็รอฟังอย่างใจจอใจจ่อ ด้วยความที่ว่ากลัวจะเลย แต่ก็ไม่มีอะไร ไปถึงสถานีศูนย์ฯสิริกิติ์อย่างปลอดภัย

ไปถึงแล้ว แต่ประตูในงานมันยังไม่เปิด ผมเลยเดินไปส่วนที่มันเป็นโซนร้านอาหาร มีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งเยอะๆ กะว่าจะหามุมนั่งอ่านหนังสือรอ ทีนี้ผลจากการหลับไม่ค่อยสนิทบนรถตู้เริ่มมาเยือน คือง่วงมากก็เลยคิดว่าจะงีบสักแปบ ก็เลยหลับไปบนโต๊ะนั่นแหล่ะ เหมือนฟุบหลับในห้องเรียนตอนอาจารย์สอนน่ะ เรื่องง่ายๆทำจนชิน ไม่ต้องรอใครสอน(เดี๋ยวๆๆ) หลับไปสักพัก ตื่นมาอีกทีประมาณ 9โมง ก็ไปเดินๆดูหน้างานอีก เค้าเริ่มมาตั้งบูทกันแล้ว แต่ตอนจะเข้าไป ยามก็บอกยังไม่ให้เข้า ยังไม่เปิด ก็เลยไม่รู้จะไปไหน กลับไปนั่งเล่นต่อ งีบรอจน 10โมง ก็ไปเดินอีกที

คราวนี้งานเปิดแล้ว ก็มีมือถือมากมาย เดินดูไปเรื่อยๆ จำได้ว่ามีบูทของเกม summoners war มาด้วย แต่ตอนนั้นเป้าหมายคือจะไปดู zenfone4 ก่อน ก็ไปเดินดูหลายบูทกว่าจะเจอ ได้ลองๆไปสัมผัสจิ้มๆเล่นๆดู ทั้ง zenfone4,5,6 ถามราคามาเรียบร้อย แต่รอก่อนเพราะความจริงคือนัดเพื่อนไว้ มันบอกจะมาดูด้วยกัน เลยโทรไปถามก่อน ว่าตอนนี้อยู่ไหน มันบอกมาว่า เพิ่งตื่นกำลังจะไป ตอนนี้ 10.30 ไอ้ผมก็ไม่ว่างรอ เพราะตอนบ่ายต้องไปเมืองทองต่อ สรุปเลยว่าก็ต้องเดินคนเดียวอีกตามเคย ตัดสินใจไปสอยมือถือมา แล้วก็ซื้อเคสกับฟิล์มมาด้วย แต่ก็ต้องรออยู่ดีเพราะของหมดเค้าบอกให้รอก่อน เลยไปเดินดูงานต่อ รอจนเที่ยงกว่าจะได้เคสกับฟิล์มมา รู้สึกหิวข้าวมาก เพื่อนมันก็ยังไม่มาสักที เลยโทรไปบอกว่ามีธุระต่อ จะไปแล้ว มันเลยบอกให้ไปเจอที่ bts เลย จะขอสัมผัสมือถือหน่อย ว่างั้น

ก็เลยไปเจอกันที่ bts อโศก คุยกับเพื่อนอยู่แปบนึง ก็ต้องขอตัวลา ผมก็มุ่งหน้าไปอนุสาวรีย์ เพื่อที่จะหารถไปที่เมืองทองต่อไป


ประมาณบ่ายโมง ผมขึ้น bts ไปลงอนุสาวรีย์ พอถึงแล้ว ผมก็ไปหารถตู้ที่จะไปอิมแพค ก็เดินๆหาอยู่สักพัก ก็ไปเจอคนต่อแถวยาวๆ ยาวมากกกกกเป็นร้อยคน คิดว่านี่เลยมันต้องใช่แน่นอน ก็เดินไปถามท้ายแถวว่าไปอิมแพคใช่ไหม เค้าก็บอกว่าใช่ ก็เลยเข้าแถวรอ
ต่อแถวประมาณ 1330 ได้ขึ้นจริงๆ 1430 ซึ่งระหว่างที่เข้าแถวนั้นอากาศก็ร้อนมากๆด้วย แทบจะเป็นลม พอได้ขึ้นรถ รถก็ติดมากๆ บวกกับความร้อน เพลีย แต่เพราะเพิ่งเคยขึ้นครั้งแรกก็กลัวว่ามันจะพาเราไปถูกไหม จะเลยที่ไหม เลยหลับๆตื่นๆไปตลอดทาง

เวลา 1510 ก็มาถึงอิมแพค ก็มีคนโทรมาเอาบัตรที่ขายให้พอดี ก็นัดมาเจอกันซื้อขายเรียบร้อย อย่างที่บอกไว้ตอนแรกว่า ถ้ามีเพื่อนมาด้วยก็คงไม่ต้องขายบัตรไปแบบนี้ คิดละเสียดายแทน

เสร็จแล้วก่อนจะเข้างาน ความรู้สึก ณ ตอนนั้นคือ มีแต่ความร้อนมาก แดดเปรี้ยงเลย แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยไปหาซื้อขนมน้ำก่อน ไม่งั้นได้เป็นลมตายกันจริงๆแน่

พอหาอะไรรองท้องแล้ว ก็คิดว่าพร้อมจะมันส์ละ ก็จะเข้าด้านในแล้ว เลยเดินไปแลกสายรัดข้อมือ แล้วก็เค้าให้ฝากของไว้ คิดค่าฝากเท่าไรไม่รู้จำไม่ได้ 20-40มั้ง ผมก็ฝากกระเป๋าไว้เผื่อที่ว่าจะได้โยกสนุกๆหน่อย


เวลาประมาณสี่โมง ก็ได้เข้ามาในงานจริงๆซะที คือคนเยอะมาก จากที่เค้าบอกจำนวนตั๋วที่ขายมี 40000 ใบ ถ้าจำไม่ผิด พื้นที่คอนเสิร์ตจะเป็นลานกว้างๆ ด้านในสุดมีเวทีกับจอมอนิเตอร์ แล้วก็ไกลออกมาอีกนิดนึง ก็จะมีมอนิเตอร์กลางอีกรอบนึง ถัดออกไปแถบข้างๆไปถึงหลังๆ จะเป็นร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม มีน้ำ มีเบียร์ ลูกชิ้นปิ้ง และขนมมากมาย งานนี้ใครเข้าไปก่อนก็ได้ด้านหน้าติดเวทีเบียดๆกันไป ส่วนผมนั้นก็ได้ที่ไม่ใกล้ไม่ไกลแถวๆก่อนถึงมอนิเตอร์กลาง ก็พอดูรู้เรื่อง เบียดกันนิดหน่อย แต่เข้าลึกกว่านี้ไม่ได้แล้ว คาดว่าข้างหน้าคงแทบเหยียบกันตายแล้ว ก็คิดว่าโอเคแล้วกัน เพราะว่าไม่ได้มาดูนักร้องดารา มาสนุกเอาบรรยากาศกับคอนเสิร์ตเฉยๆ


เริ่มโชว์แรกเป็นโชว์กลอง ก็มีเหล่ามือกลองของแต่ละวง ออกมาประชันลวดลายกัน จากนั้นวงแรกที่ขึ้นคือ sweet mullet มาพร้อมกับเพลง พลังงานแสงอาทิตย์ ผมจำได้ขึ้นใจเลย เพราะตอนนั้นแดดมันร้อนมากกกก แล้วเวทีก็ตั้งมาย้อนแสงคนดู พระอาทิตย์ส่องมาทำเอาแสบตาสุดๆ อารมณ์แบบว่านึกว่าถ่ายmv เพลงนี้กันเลยทีเดียว จากนั้นก็มีวงอื่นๆมาทั้ง paradox, retrospec, the yers, the moueses, cocktail และอีกมากมาย มีเพลงมันส์ๆโยกๆ สนุกกันไป

พออยู่ได้สักพักประมาณขั่วโมงนึง ก็เริ่มหิวน้ำพยายามจะออกไปหาซื้อน้ำกินด้านหลัง ต้องยอมทิ้งที่ยืนอยู่แล้วเบียดๆผู้คนออกไปหาร้านค้าด้านหลัง จากที่มองไปก็พบว่ายังมีคนอยู่ด้านหลังเราอีกเยอะมากกกก เดินเบียดผจญภัยอยู่สักพักกว่าจะได้เจอพื้นที่โล่งๆด้านหลัง ไปซื้อน้ำที่ร้านค้า พอตอนจะกลับ หลังไปดูเวที ก็คิดว่า โอ้.. ไม่สามารถเข้าไปที่เดิมได้อีกแน่นอน เลยเดินไปทางซ้ายๆหลังมอนิเตอร์กลางนิดนึง มุมภาพจะเป็นแบบว่าพอเห็นเวทีอยู่ไกลๆ กับมองไปด้านขวาก็ดูจอภาพได้ชัดเจน แล้วก็ไม่เบียดกันเหมือนด้านใน


ประมาณมืดๆ 2ทุ่ม เพลงก็เริ่มเปลี่ยนแนว เป็นเบาๆฟังสบาย จำได้ว่า แพท วง klear ร้องเสียงสดได้เนียนกริ๊บ คุณภาพสุดๆ คือหลับตาฟังแล้วจะพบว่าอินไปกับเพลงมาก แล้วก็มีเซอร์ไพรส์ด้วยคือ ปั๊บ โปเตโต้ มาแจมด้วย คือปั๊บเนี่ย แต่ก่อนอยู่ genie น่ะ ก็เลยดึงมาร้องด้วยเพลงสองเพลง จังหวะนี้คือทุกคนนั่งหมด ฟังเพลงชิวๆมาก บรรยากาศคล้ายตั้งวงคุยกันกับเพื่อนแล้วเปิดเพลงคลอ บรรยากาศดีงาม แต่มีอยู่คนอยู่กลุ่มนึงไม่ยอมนั่ง ยืนกันเป็นกลุ่มกอดคอประมาณ7-8คน เค้าก็ไม่ได้ทำอะไร เพียงแต่ชาวบ้านเค้านั่งกันหมด ข้างหลังเลยมองมอนิเตอร์ไม่เห็น ก็มีเสียงโวยวายบอก พี่ครับนั่งลงหน่อย ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ ตอนแรกนึกว่าจะมีเรื่องรึป่าว แต่ผ่านไปสักพักก็ไม่มีเรื่องอะไร ก็ดูคอนเสิร์ตกันต่อไป



คราวนี้กินน้ำไปเยอะ เลยปวดฉี่ ประกอบกับคนเริ่มลุกกันละ เลยจะไปเข้าห้องน้ำ หันไปดูข้างหลังมีคนอีกเพียบเลย คิดว่านี่ขนาดไกลกว่าที่ยืนตอนแรกนะเนี่ยยังมีคนเยอะอีก ก็เลยเดินๆผ่าฝูงคนออกมาจนถึงทางเข้า ถามทางไปห้องน้ำ staff บอกห้องน้ำอยู่ทางซ้ายเวที เลยต้องเดินกลับไป ไม่น่าเดินออกมาเลย อยู่ใกล้ๆแท้ๆ พอมาเจอห้องน้ำที่ดูไม่ได้เป็นห้องน้ำจริงๆเท่าไร เป็นเหมือนถังเก็บน้ำสีน้ำเงินอันใหญ่ ทรงกลม สูงประมาณ2เมตร มีช่องให้ฉี่รอบๆถัง มีหลายๆอันตั้งวางไว้ แต่ก็สะอาดอยู่ พอฉี่เสร็จ ประมาณจะ3ทุ่ม คิดว่างานใกล้จะเลิกละ กลัวตอนงานเลิกคนจะยุ่ง เลยไปเอาของฝากก่อน แล้วกลับเข้ามาในงาน หามุมยืนเตรียมโยก


ดนตรีก็บรรเลงไป ช่วงนี้มีแต่เพลงมันส์ๆ โยกย้ายก็สุดฤทธิ์ แล้วก็มี เอ๋ อีโบล่า มาแจมด้วย แล้วก็มาถึงช่วงที่แต่ละวง เอาเพลงของวงอื่นมาเล่น การแสดงนึงที่ผมชอบมากคือตอนที่ the yers เล่นเพลง ดีแต่ปาก ของ big ass มันมีความหนักแน่นของดนตรี แล้วก็อารมณ์เพลงที่สุดๆไปเลย ส่วนการแสดงอื่นๆก็เช่น big ass - ข้าน้อยสมควรตาย, paradox เอาเพลง ใช่เลย ของ ไท ธนาวุฒิ มาผสมกับเพลง ยาพิษ ซึ่ง mix กันได้อย่างลงตัว โยกกันหัวแทบหลุดทั้งงาน

ต่อไปใกล้จบงานแล้ว ก็ให้ bodyslam ออกมาร้อง 3เพลงรวด ธรรมชาดิ-ยาพิษ-เรือเล็กควรออกจากฝั่ง ตอนร้องนี่พี่ตูนวิ่งจากเวที มาโซนมอนิเตอร์กลางมันจะมีคล้ายๆนั่งร้านเล็กๆให้ยืน หาอะไรปีนได้ปีนหมด เสากล้องขาเวทีปีนเข้าไป เรียกว่าอยากเห็นแฟนๆไกลๆทุกคน พอจบเพลงฝนก็เริ่มตก พี่ตูนบอกอย่าเพิ่งกลับ ก็มีให้คนดูขึ้นมาร้องเพลง ความเชื่อ ด้วยกัน จูนคีย์กันอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนจะเริ่มร้อง พอตอนกลางเพลง ศิลปินออกมาทั้งหมด ร้องด้วยกัน ตอนจบมีจุดพลุด้วย พลุมีเยอะมาก สวยมากๆด้วย อันนี้ถือว่าจบจริงๆ แล้วก็หายลงเวทีกันไปเลย


บรรยากาศตอนนี้คือฝนปรอยนิดๆ ก่อนกลับมันจะมีป้ายของแต่ละวงอยู่ ก็เลยไปถ่ายรูปกับป้าย ฟักแฟง แล้วค่อยออกจากงาน


อันนี้เป็นสภาพผู้คนตอนออกจากงาน





พองานเลิกประมาณ5ทุ่ม ก็ต้องหาทางกลับสิครับ อย่างที่บอกไว้ตอนแรกว่า เพิ่งมาอิมแพคครั้งแรก ก็ไม่รู้จะกลับยังไงเหมือนกัน ก็สังเกตกลุ่มคนที่เดินออกจากงาน พวกนึงเดินไปทางที่จอดรถแสดงว่าเอารถมา อีกพวกนึงเดินตามกันเป็นกลุ่มเยอะๆ ก็คิดว่าเค้าน่าจะเดินไปรอรถที่ท่ารถกันล่ะมั้ง ก็เลยเดินๆตามเค้าไปก่อน เดินไปสักพักก็เริ่มหลง ไม่รู้จะไปไหนต่อ แล้วฝนก็เริ่มตกอย่างจริงจัง คราวนี้ตกหนักมาก เลยเข้าไปหลบฝนที่อาคารอะไรสักอย่าง ระหว่างรอก็เริ่มหิว ก็เห็นว่ามี 7-11 อยู่แถวนี้ด้วย แต่ให้ตายเถอะ คนเยอะมากกกกก ต่อแถวกันยาวเหยียด แต่ด้วยความหิวก็ต้องรอผมก็ไปหาซื้อของกินนั่งรอจนฝนหยุดตก

ระหว่างรอก็เปิด google map ดู ซึ่งก็ไม่ได้มีประโยชน์เท่าไรเลย เพราะไม่รู้ว่ารอบๆนี่คืออะไร แล้วจะไปทางไหนต่อ เวลาตอนนี้ประมาณเที่ยงคืน ก็นั่งมึนๆอยู่พักใหญ่ แล้วก็ช่วงนี้คือเล่นโทรศัพท์มากไม่ได้ด้วย เพราะแบตจะหมดแล้ว ก็เลยโทรไปถามเพื่อน มันก็บอกว่าจะมีท่ารถอยู่ แต่ไม่รู้จะมีรถหรือเปล่า เพราะดึกแล้วบวกกับที่งานคอนเสิร์ตแบบนี้คนจะเยอะมาก รถก็จะยิ่งไม่พอเข้าไปอีก ก็เลยแนะนำให้เดินๆไปตามทางออกเรื่อยๆ ถ้าเจอรถตู้หรือแท็กซี่ก็โบกซะ ไม่งั้นก็หาทางออกมาแถวถนนแจ้งวัฒนะให้ได้ รถน่าจะมีอยู่
พอได้ฟังดังนั้นแล้วก็เปิดแผนที่ดูอีกที ก็เริ่มเดินตามทางไปหาถนนแจ้งวัฒนะ ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว ระหว่างทางก็ยังมีทั้งคนเดิน แล้วก็มีวินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ กับรถตู้วิ่งผ่านไปนานๆสักคันนึง (ซึ่งไม่ว่างสักคัน) เดินไปเรื่อยๆ เดินๆๆๆ จำไม่ได้ว่าเดินจากที่ไหนไปถึงไหน เพราะเป็นตอนกลางคืนด้วย รู้แต่ว่าเดินไกลมากกกก รู้ตัวอีกทีก็เห็นถนนใหญ่อยู่ข้างหน้าละ

แล้วทันใดนั้นเองก็มีรถตู้ผ่านมาพอดี ตะโกนเรียกบอก "ไปอนุๆ ขึ้นมาเลย" ทั้งผม แล้วก็มีกลุ่มคนที่เดินมาไล่ๆกัน รวม 4-5คน ก็รีบวิ่งไปขึ้นรถทันทีเลย ความรู้สึกตอนนั้นคือดั่งสวรรค์มาโปรดจริงๆนะ คือแบบทั้งเหนื่อย ทั้งเพลียจากการเดิน และแหกปากร้องเต้นที่คอนเสิร์ตมาด้วย ขึ้นไปรถได้ก็แทบหลับ แต่ก็หลับไม่ลง เพราะกลัวหลงอีกตามเคย

รถตู้ก็ไปจอดที่อนุสาวรีย์ เวลานั้นคือเงียบมาก แทบไม่มีรถวิ่งเลย ถือเป็นโชคดีมากที่ได้มากับรถตู้คันนี้ บอกกับตัวเองว่าอย่างนั้น ตอนนี้รู้สึกหิวน้ำก็เข้าไปซื้อน้ำกินที่ 7-11 เผอิญไปเจอเพื่อนที่เรียนมหาลัยด้วยกัน แยกย้ายไปไม่ได้เจอกันนาน ถามมันบอกว่ามาทำอะไร ก็บอกว่ามาดูคอนเสิร์ต ก็ว่า เอ้า.. ไปที่เดียวกันมานี่หว่า ไม่รู้เลยนะเนี่ย ก็เม้าส์มอยกันอยู่แปบนึง แล้วก็บอกลากันไป

ตอนนี้เวลาประมาณตี2 คราวนี้ก็หาทางกลับพิโลกล่ะครับ ต้องไปหมอชิตให้ได้ก่อน ตอนนั้นว่าจะโบกแท็กซี่ แต่รออยู่นานไม่มีมาสักคันเลย เลยตัดสินใจโบกวินมอเตอร์ไซค์ไป เพราะขี้เกียจรอแล้ว อยากกลับไวๆ พอถึงหมอชิตปุ๊บก็ขึ้นรถตู้ไปพิโลกก็หลับอย่างจริงจังเลยครับ เหนื่อยสุดๆ ร่างแทบพังจริงๆ กลับมาถึงหอได้ ประมาณตอนเช้า7โมง ก็อาบน้ำแล้วก็นอนยาวเลยครับวันนั้น ตื่นอีกทีเย็นๆเลย



สรุปการเดินทางทริปนี้ สำหรับผมถือว่าสนุกจริงๆ เพราะเป็นประสบการณ์ที่เพิ่งได้ไปไหนเองครั้งแรก เดินคนเดียว เที่ยวคนเดียว ทั้งขึ้นรถไฟฟ้าครั้งแรก ไปดูคอนเสิร์ตครั้งแรก เจอที่แปลกๆ ครั้งแรก ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่น่าจดจำไปจนวันตายเลยครับ สนุกจริงๆ

Comments

Popular posts from this blog

Get original image from tistory.com : วิธีดาวโหลดภาพต้นฉบับจาก เว็บ tistory.com

พบกับ blogger โฉมใหม่ - เพิ่ม theme responsive เพียบ

งานแฟนไซน์ครั้งแรกของ Red Velvet ในไทย กับ ตากล้องกากๆ